วันที่ 10 ก.ย. 66 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการรับชมการแข่งขัน และมอบถ้วยรางวัลพระราชทานแก่ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 ประจำปี 2566 หรือ “คิงส์คัพ 2023” ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยว และประชาชนเข้าร่วม โดยการแข่งขันคู่แรกของวันนี้เริ่มขึ้นในเวลา 17.30 น. เป็นการแข่งขันคู่ชิงที่ 3 ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างทีมชาติอินเดีย กับ เลบานอน โดยในครึ่งแรกทั้งสองทีมยังยิงประตูกันไม่ได้ ทำให้เสมอกันที่ 0-0 แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของการแข่งขัน เลบานอนสามารถยิงประตูได้ 1 ลูก และเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ทำให้เมื่อจบเกม ทีมชาติเลบานอน สามารถเฉือนเอาชนะทีมชาติอินเดียไปได้ในที่สุดด้วยผลประตู 1-0 คว้าอันดับที่ 3 ในการแข่งขันปีนี้ไปครอง ส่วนคู่ต่อมาในเวลา 20.30 น. เป็นไฮไลท์ของการแข่งขันในค่ำคืนนี้ และบรรดาแฟนบอลชาวไทยและชาวเชียงใหม่ต่างตั้งตารอชมกันทั้งสนาม โดยเป็นการแข่งขันคู่ชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติอิรัก แม้ระหว่างการแข่งขันจะมีฝนตกปรอยปรายลงมาก็ตาม แต่เกมการแข่งขันก็เป็นไปอย่างสนุก ดุเดือด โดยเริ่มต้นการแข่งขันได้ไม่ถึง 10 นาที ทีมชาติอิรักก็ชิงเปิดฉากทำประตูขึ้นนำไทยไปก่อน 1-0 จากนั้นในนาทีที่ 37 นิโคลัส มิคเกลสัน ผู้เล่นหมายเลข 12 ก็ยิงประตูให้ไทยไล่ตีเสมอขึ้นมาได้เป็น 1-1 สร้างความคึกคักให้กับผู้ชมเป็นอย่างมากก่อนจบครึ่งแรก จากนั้นในช่วงครึ่งหลังอิรักทำประตูขึ้นนำไทยได้อีกครั้งเป็น 2-1 อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทยยังคงฮึดสู้ และสามารถตามมาตีเสมอได้เป็น 2-2 ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 82 ทำให้กองเชียร์ได้เฮกันลั่นสนาม จบเกมในเวลา 90 นาที ทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ทำให้เสมอกันที่ 2-2 ประตู ต้องเข้าไปหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งผลปรากฏว่า ทีมอิรักที่แม่นจุดโทษกว่า สามารถเอาชนะทีมชาติไทยไปได้ 5-4 ประตู คว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ โอกาสนี้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ได้มอบเหรียญที่ระลึกให้แก่นักกีฬา รวมถึงทีมงาน สต๊าฟโค้ช เจ้าหน้าที่ และคณะผู้ตัดสิน ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ พร้อมทั้งมอบถ้วยรางวัลพระราชทานให้แก่ทีมชาติอิรัก ซึ่งเป็นทีมที่ชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” 2023 ในครั้งนี้