วันที่ 31 ส.ค. 66 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา นำคณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือตอนบน รวมถึงแนวทางการจัดการปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภค-บริโภค และข้อเสนอแนะนำแนวทางการบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็กนอกเขตชลประทาน ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ โอกาสนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ประชุม ผู้แทนจากอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเสนอถึงปัญหาที่พบเจอในพื้นที่ ต่อประธานคณะกรรมาธิการฯ ในหลายเรื่อง อาทิ ปัญหาภัยแล้ง การกักเก็บน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภคในท้องที่ที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพ ปัญหาราคาผลผลิตทางเกษตรตกต่ำ ปัญหาหมอกควันไฟป่า ปัญหาเรื่องเอกสิทธิ์ที่ดินทำกินของชาวบ้าน และปัญหาอื่นๆ โดยประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้สร้างช่องทางในการประสานงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ในท้องที่ เพื่อใช้สำหรับประสานการทำงานร่วมกันกับวุฒิสภา โดยจากปัญหาที่ได้นำเสนอมา ท้องที่จะต้องทำเรื่องถึงหน่วยงาน จากนั้นคณะกรรมาธิการจะเข้าไปช่วยหารือร่วมกับหน่วยงานนั้นๆ บูรณาการความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้แนะแนวทางการสร้างฝายแกนดินซีเมนซ์ ซึ่งก่อสร้างง่าย ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ใช้วัสดุหลักที่มีอยู่ในทุกพื้นที่ และมีความแข็งแรงทนทาน ใช้ต้นทุนต่ำ สามารถช่วยยืดระยะเวลาการเพาะปลูกสำหรับพื้นที่นอกเขตชลประทานให้ยาวนานขึ้น ช่วยให้ประชาชนมีน้ำเพื่อการเกษตร และการอุปโภค-บริโภค ได้ตลอดทั้งปี สามารถป้องกันบรรเทาความรุนแรงจาก ปัญหาน้ำหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ปัญหาดินโคลนถล่ม ได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ฝายแกนดินซีเมนต์ ยังข่วยคืนความชุ่มชื้นฟื้นฟูวัฏจักร เก็บกักน้ำใต้ดินได้ปริมาณมาก รักษาความชุ่มน้ำของผืนดิน และช่วยลดปัญหาไฟป่า ฝุ่นควัน PM 2.5 ได้อีกด้วย